จับแล้ว 1 แก๊งอุ้มสังหาร “ดีเจเตเต้ วราพงษ์” นำศพซุกป่าลึก ศาลจังหวัดกาญจนบุรี ออกหมายจับอีก 4 คน พร้อมข้อหาหนัก
คืบหน้าคดีอุ้มดีเจเตเต้ จากกรณีที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับหลังตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 68 เลิกงานจากผับในจังหวัดกาญจนบุรี กล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่าถูกรถกระบะสีขาวและรถเก๋งสีดำติดตาม จึงมีการแจ้งความและระดมกำลังค้นหา
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 พ.ค. 68 เวลา 09.30 น. ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พบศพชายต้องสงสัยอยู่ในป่าละเมาะ ห่างจากจุดที่ดีเจเตเต้ถูกอุ้มไปราว 20 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบ พบว่า ศพดังกล่าวเป็นชาย สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกไนล่อนสีเขียว และเริ่มเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็นทั่วบริเวณ
จากการสอบสวนย้อนหลัง พบว่า ในคืนเกิดเหตุ (14 พ.ค.) เวลา 03.54 น. ดีเจเตเต้ได้พูดคุยกับหญิงสาวชื่อ น.ส.นิตยา และระบุว่ามีรถตามหลังมา พร้อมพูดว่า “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย” ก่อนที่สายจะขาดไป และติดต่อไม่ได้อีกเลย
ต่อมาตำรวจพบหลักฐานจากกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลว่า รถเก๋งสีดำต้องสงสัย ถูกนำไปจอดซ่อนในพื้นที่ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โดย นายนพพิจิตร หรือ “นายเหลือบ” เป็นผู้ขับรถไปฝากเพื่อน พร้อมอ้างว่ารถเสีย และมีรถกระบะมารับต่อเพื่อเข้ากรุงเทพฯ
รถเก๋งคันดังกล่าว ถูกตรวจพบว่าได้รับการทำความสะอาดทั้งภายนอกและภายใน แต่เมื่อตรวจสอบกล้องหน้ารถ ยังพบภาพขณะรถวิ่งเข้าไปในป่ารกทึบ ซึ่งต่อมานำไปสู่การพบศพของดีเจเตเต้ในที่สุด
ก่อนหน้านี้ ตำรวจได้สอบสวน นายวิกูล (กูล) และ นายธนเดช (กิ่ง) ซึ่งเป็นผู้ขับรถกระบะสีขาวที่ปรากฏในกล้องวงจรปิดประกบรถดีเจเตเต้ช่วงก่อนหายตัว ทั้งคู่ปฏิเสธไม่เกี่ยวข้อง
ปมเบื้องหลังการอุ้ม เริ่มมีความชัดเจน โดยตำรวจสืบสวนพบว่า ดีเจเตเต้มีความสัมพันธ์กับ นางสาวน้ำ ซึ่งเป็นแฟนของ นายมุ้ย พ่อค้ายารายใหญ่ในกาญจนบุรีที่มีหมายจับติดตัว นายมุ้ยเคยพยายามส่งคนไปเจรจาให้ดีเจเตเต้เลิกยุ่งกับฝ่ายหญิง แต่ไม่เป็นผล คาดว่าอาจเป็นเหตุให้เกิดการวางแผนอุ้มในครั้งนี้ โดยตำรวจเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นการลงมือกันเป็นขบวนการ
พ.ต.อ.สุรยุทธ์ เมฆมังกร ผกก.สภ.เมืองกาญจนบุรี เผยว่า จับกุมตัว นายธนเดช (ขอสงวนนามสกุล) 1 ในผู้ต้องสงสัยเอาไว้แล้ว ทางด้าน ศาลจังหวัดกาญจนบุรี อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 4 คน ประกอบด้วย
1.นายนพพิจิตร
2.นายธราเทพ
3.นายภคนัท
4.นายณรงค์เดช
ใน 5 ข้อกล่าวหากระทำความผิดฐาน
1.“ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปและเป็นการกระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี่หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่
2.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน,ร่วมกันลอบฝั่ง เผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย
3.ร่วมกันกระทำใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
4.ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุมและร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลง ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด
5.ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสารธารณะ โดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนสมควรแก่พฤติการณ์ และ ซ่องโจร
ทั้งนี้ ทางด้าน “รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์” เปิดเผยว่า นายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ ได้มอบอำนาจให้ช่วยติดตามเรื่องนี้ ระบุว่า “พาพ่อเตเต้เข้าแจ้งความ 12 ข้อหาอุกฉกรรจ์กับกระบวนการอุ้ม #ดีเจเตเต้ เนื่องจากทางครอบครัวเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยผมก็จะให้พ่อเค้ามอบอำนาจไว้ให้ผมติดตามเรื่องนี้เอง”
